ถือเป็นเกมที่บู๊กันดุเดือดสมกับศึกดาร์บี้แมทช์ สำหรับเอฟเวอร์ตันและลิเวอร์พูล เมื่อเจ้าบ้านเปิดรังกูดิสัน ปาร์คเสมอผู้มาเยือนจากอีกฝั่งสวนสาธารณะไปด้วยสกอร์ 2-2
สถิติดาร์บี้แมทช์ระบุไว้ในบางเว็บว่าเป็นนัดที่ 288 เกมจากทุกรายการ หงส์แดงชนะไป 121 เกม ท็อฟฟี่ชนะ 82 เกม เสมอกันไป 84 เกม แต่หากคิดเฉพาะเกมที่เกิดขึ้นหลังเปลี่ยนแปลงฟุตบอลดิวิชั่น 1 เดิมมาเป็นพรีเมียร์ลีกที่เริ่มตั้งแต่ปี 1992 ก็ถือเป็นครั้งที่ 62 ซึ่งในนี้มีเกมเอฟเอคัพรวมอยู่ด้วย 5 เกม และสถิติเฉพาะพรีเมียร์ลีกที่ 9-24-24 เอฟเวอร์ตันเฮไป 9 ครั้ง ลิเวอร์พูล 24 ครั้งและเสมอกันเพิ่มเป็น 24 ครั้งหลังจบเก้าสิบนาทีล่าสุด
A pulsating Merseyside derby finishes all square #EVELIV pic.twitter.com/zFPJ6Eqbo3
— Premier League (@premierleague) October 17, 2020
หลังเกมมีสถิติใหม่ระหว่างทั้งสองทีมเกิดขึ้นต่อไปอีก เมื่อเอฟเวอร์ตันไม่สามารถปลดแอกเอาชนะลิเวอร์พูลได้เช่นเคย มันเป็นเกมนัดที่ 23 ติดต่อกันที่ฝั่งท็อฟฟี่ทำได้ดีสุดแค่ผลเสมอ ซึ่งการไม่แพ้ทีมเดียวกันติดต่อกันระหว่างลิเวอร์พูลกับเอฟเวอร์ตันถือเป็นสถิติที่ยาวนานที่สุดระหว่างสองทีมใดๆ บนเกาะอังกฤษแล้ว
ก่อนเกมนั้นเอฟเวอร์ตันเป็นจ่าฝูงด้วยผลงานที่สุดปัง ชนะ 4 นัดรวด ส่วนลิเวอร์พูลพังยับมาจากเกมกับแอสตัน วิลล่า ใครเห็นก็บอกว่าท็อฟฟี่มาแน่ แต่แชมป์เก่าก็แสดงให้เห็นความแตกต่างที่ยังมีระยะห่างชัดๆ เมื่อเปิดฉากครองเกมรุกและบุกใส่อย่างรวดเร็ว ประตูขึ้นนำ 1-0 ของซาดิโอ มาเน่จากการผ่านเข้ามาของแอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน
เกมจะเป็นของหงส์แดงถ้าจังหวะเข้าบอลอันตรายของจอร์แดน พิคฟอร์ดใส่เวอร์กิล ฟาน ไดจ์คไม่จบที่มุมมองของไมเคิ่ล โอลิเวอร์ที่เห็นว่ากองหลังยักษ์ใหญ่มาจากตำแหน่งล้ำหน้า และไม่ลงโทษอะไรพิคฟอร์ด ผลจากตรงนี้คือลิเวอร์พูลเสียกองหลังคนสำคัญ และเอฟเวอร์ตันไม่ต้องเหลือแค่ 10 คน และภายหลังทางทีมผู้ตัดสิน VAR ที่มีเดอร์ม็อต กัลลาเกอร์เป็นหัวเรือใหญ่ก็ยอมรับว่า “พลาดในการพิจารณาเรื่องการเล่นที่อันตรายเพราะมัวแต่สนใจเรื่องออฟไซด์”
It's been confirmed that VAR failed to check for a red card after Pickford's horror challenge #EVELIV #LFChttps://t.co/zpLbW7tUXY
— talkSPORT (@talkSPORT) October 17, 2020
สองประตูตีเสมอจากการโหม่งของไมเคิ่ล คีนและโดมินิค คัลเวิร์ต-เลวิน คือผลงานที่เกิดขึ้นจากจุดที่ดร็อปลงของแนวรับลิเวอร์พูล การมีและไม่มีเวอร์กิล ฟาน ไดจ์คเป็นความแตกต่างใหญ่หลวงในเกมนี้ เช่นเดียวกันกับการใช้วีเออาร์ตัดสินที่มีถูกมองว่ามีความผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่เปลี่ยนแปลงไปเลยนับตั้งแต่เริ่มใช้
โลกโซเชี่ยลหลังเกมหยิบจังหวะปฏิเสธการได้ประตูในนาที 90+4 ของลิเวอร์พูลที่เกิดจากการยิงของจอร์แดน เฮนเดอร์สันว่ามาเน่ล้ำหน้าแค่แขนเสื้อมาเล่นกันอย่างแพร่หลาย กลายเป็นวันโชคดีของจอร์แดนหนึ่งและโชคร้ายของอีกจอร์แดนไป
Richarlison has sent a message to Thiago after his horror tacklehttps://t.co/tUHFewHbq1
— Mirror Football (@MirrorFootball) October 17, 2020
เกมจบลงด้วยผลเสมอ และยังคงเป็นเกมที่เต็มไปด้วยแพสชั่นของศึกดาร์บี้แห่งเมืองลิเวอร์พูล เกมที่ยิงกัน 4 ประตู มีใบเหลือง 5 และแดงอีก 1 แบ่งทีมละ 1 แต้มให้เอฟเวอร์ตันรักษาจ่าฝูงต่อไป ส่วนหงส์แดงขึ้นมาเป็นรองจ่าฝูงชั่วคราว แต่ข่าวร้ายของลิเวอร์พูลคืออาการของฟาน ไดจ์คทำให้มีสิทธิ์พักยาว 7-8 เดือน ยังดีที่ดิอาโก้ อัลคันทาร่ารอดจากอาการบาดเจ็บหนักมาได้หวุดหวิดเพราะการเปิดปุ่มพุ่งเข้ายันที่หน้าแข้งของริชาร์ลิซอนจนเจ้าตัวรับใบแดงทันทีก็อันตรายไม่แพ้กัน.