ข่าวฟุตบอลต่างประเทศรายงานว่าปราการหลังจอมแกร่งของทัพ หงส์แดง ลิเวอร์พูล อย่าง เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค เป็นนักเตะที่สามารถลงช่วยทีมได้ทุกเกมในฤดูกาลนี้ และยังกลายเป็นนักเตะต่างประเทศหรือที่เรียกว่าแข้งเอาท์ฟิลด์คนที่ 5 ในประวัติศาสตร์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกที่ลงสนามช่วยทีมทุกวินาทีให้เป็นแชมป์ลีก
Jürgen Klopp (On Van Dijk playing all the games): "He takes his breaks – [but] IN the games from time to time! It can drive me crazy obviously. But I get it, it’s pretty special, it was a big target for him [to play all the games]. We try to rest him but it’s difficult." pic.twitter.com/ZAENDIwLuo
— LFC Transfer Room (@LFCTransferRoom) July 27, 2020
ในเกมนักสุดท้ายของฟุตบอลพรีเมียร์ลีกในคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ลิเวอร์พูล สามารถปิดซีซั่นได้สวยงาม โดยการบุกไปเอาชนะ สาลิกาดง นิวคาสเซิ่น ยูไนเต็ด ไปได้ 3-1 ซึ่ง ฟาน ไดจ์ค ก็เป็นคนที่โหม่งทำประตูตีเสมอให้กับทัพ หงส์แดง และยืนเป็นกำแพงกองหลังจนจบเกม
โดย ฟาน ไดจ์ค กลายเป็นที่นักเตะที่ลงสนามให้กับ ลิเวอร์พูล ครบทุกเกมทุกวินาทีในฤดูกาลนี้ และกลายเป็นนักเตะเอาท์ฟิลด์คนที่ 5 ที่ลงช่วยทีมให้ได้แชมป์ลีก ต่อจาก เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า ปราการหลังจอมขยันกับ สิงโตน้ำเงินคราม เชลซี(2017), เวส มอร์แกน กับ จิ้งจอกสีน้ำเงิน เลสเตอร์ ซิตี้(2016), จอห์น เทอร์รี่ กับ เชลซี(2015), และ แกรี่ พัลลิสเตอร์ กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อปี 1993 ตามรายงานจากเว็บไซต์ขอบสนาม
อย่างไรก็ตาม อลัน แฮนเซ่น และ อลัน เคนเนดี้ สองตำนานยอดแนวรับของ ลิเวอร์พูล ก็เป็นนักเตะที่ทำสถิตินี้เช่นเดียวกันในยุคที่ หงส์แดง คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกเมื่อปี 1984 และนักเตะของสโมสรคนล่าสุดที่ทำได้ก็คือ ฟาน ไดจ์ค
ในฤดูกาลที่แล้ว ฟาน ไดจ์ค ลงสนามเป็นตัวจริงให้ ลิเวอร์พลู ทั้ง 38 เกมเต็มในฟุตบอลพรีเมียร์ลีก แต่ไม่สามารถลงครบทุกวินาทีได้ เพราะเจ้าตัวถูกกุนซืออย่าง เยอร์เก้น คล็อปป์ เปลี่ยนตัวออกสะก่อน และกองหลังชาวดัตช์สามารถทำประตูให้ทัพ หงส์แดง ไปแล้ว 9 ประตู นับตั้งแต่ที่ย้ายเข้ามาในถิ่น แอนฟิลด์ เมื่อปี 2015